Web Development คืออะไร?
Web Development คือ ขั้นตอนกระบวนการพัฒนาเว็บไซต์ ใช้ภาษาโปรแกรม และ เครื่องมือสำหรับการสร้างเว็บไซต์ขึ้นมา เริ่มตั้งแต่การวางโครงสร้าง ออกแบบ พัฒนาเว็บ และ คอยดูแลระบบเว็บไซต์หลังจากการสร้างเว็บขึ้นมาเรียบร้อยแล้ว รวมไปถึงการเลือกนำเสนอข้อมูลบนเว็บไซต์ระหว่างบราวเซอร์ ฟีเจอร์ต่าง ๆ เพื่อให้มีการตอบสนองจากผู้ใช้ ซึ่งส่วนมากผู้ที่ทำธุรกิจตลาดออนไลน์ มักจะทำ Web Development เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจของตนมากขึ้น
ในปัจจุบัน Web Development แบ่งออกเป็น Front-end Development , Back-end Development และ Full-stack Development หน้าที่การทำงานเกี่ยวกับการดูแลเว็บไซต์ก็จะแตกต่างกันออกไป แต่มีจุดหมายเดียวกัน คือ เป็นการพัฒนาเว็บไซต์ให้สมบูรณ์มากที่สุด
Web Development สำคัญอย่างไร?
ในยุคปัจจุบันนี้ เป็นยุคของโลกดิจิทัลออนไลน์ จึงปฎิเสธไม่ได้เลยว่า Web Development ที่ช่วยพัฒนาเว็บไซต์ เพื่อต่อยอดธุรกิจสู่โลกออนไลน์ สร้างภาพจำของธรกิจและช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงและใช้งานเว็บไซต์ได้ง่ายขึ้น ได้แก่
- เว็บไซต์จะบ่งบอกความน่าเชื่อถือของธุรกิจ เอกลักษณ์ของแบรนด์ ชวนให้ลูกค้าอยากทำความรู้จักธุรกิจ
- รองรับการทำ SEO (Search Engine Optimization) เพิ่มโอกาสทางธุรกิจของคุณถูกพบเจอจากลูกค้ามากขึ้น
- ระบบหน้าบ้าน และ หลังบ้านของเว็บไซต์ที่ดี จะทำให้ลูกค้าสบายใจเมื่อต้องเข้ามาใช้งาน ทำความรู้จักสินค้า
- เว็บไซต์ที่ดี จะคอยรวบรวม ประเมินพฤติกรรมต่าง ๆ ของลูกค้า เพื่อนำไปวิเคราะห์ พัฒนาเว็บไซต์ให้ดีขึ้นกว่าเดิม
ประเภทของ Web Development มีอะไรบ้าง?
Web Development คือ ทางเลือกและวิธีการพัฒนาเว็บไซต์เบื้องต้นให้มีประสิทธิภาพ โดยการสร้างเว็บไซต์นั้น สามารถทำได้หลากหลาย Option ขึ้นอยู่กับเป้าหมายที่ต้องการนำไปใช้งาน การสร้างเว็บไซต์มีทั้งการ Custom Code หรือเขียนโปรแกรมขึ้นมาเอง และ การใช้ Website Development Tool ซึ่งการสร้างเว็บด้วยการใช้ Web Development สามารถแบ่งประเภท ได้ดังนี้
- Front- End Development ทำหน้าที่พัฒนา ดูแลระบบโปรแกรมของเว็บไซต์ในส่วนที่ เรียกว่า ระบบหน้าบ้าน เป็นส่วนที่ User มีการใช้งานเว็บไซต์ และโต้ตอบ ไม่ว่าจะเป็น Home page เนื้อหาต่าง ๆ ของเว็บไซต์ รูปภาพ หรือแบนเนอร์ เป็นต้น โดยภาษาที่ใช้ทำงานเป็นหลัก คือ HTML (HyperText Markup Language) , CSS (Cascading Style Sheets) และ JavaScript
- Back- End Development ทำหน้าที่พัฒนา ดูแลระบบโปรแกรมของเว็บไซต์ในส่วนที่ เรียกว่า ระบบหลังบ้าน โดยเป็นส่วนที่ User มองไม่เห็นและไม่สามารถโต้ตอบได้ แต่ Back - end Development จะคอยดูแล เก็บข้อมูลนำมาวิเคราะห์ เพื่อพัฒนาให้เว็บไซต์มีประสิทธิภาพตอลดเวลา โดยภาษาที่ใช้ทำงานเป็นหลัก คือ PHP (HyperText Preprocessor) , Ruby , Python
จุดเด่นของ Web Development แต่ละแบบ
จะเห็นว่าการพัฒนา Web Development จะมีด้วยกัน 3 แบบ ซึ่งแต่ละแบบจะมีภาษาในการทำงาน จุดเด่นที่ไม่เหมือนกัน วันนี้ Cric Labs จะพามาทำความรู้จักจุดเด่นของแต่ละแบบ ว่าเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไรบ้าง
- Front- End Development จุดเด่นของ Front-end Development คือ ภาษาหลักที่ใช้ทำงาน HTML (Hypertext Markup Language) ถือเป็นกระดูกสันหลังของเว็บไซต์ โดยทุกเว็บไซต์จะถูกสร้างจาก HTML ที่มีหน้าที่ ดูแลโครงสร้าง เนื้อหาทั้งหมด
- Back- End Development คือ การพัฒนาดูแลโปรแกรมในส่วนหลังบ้าน เช่น ฐานข้อมูล และโครงสร้างพื้นฐาน Users จะไม่สามารถมองเห็นหรือโต้ตอบได้ จุดเด่นของ Back- end Development คือ จะทำงานเกี่ยวกับเทคโนโลยีเฉพาะทางมากกว่า Front- end Development
- Full-Stack Development คือ การพัฒนาดูแลโปรแกรมเต็มรูปแบบทั้ง ส่วนหน้าบ้าน และ หลังบ้าน จึงต้องมีทักษะความเชี่ยวชาญภาษาที่ใช้ทำงานของ Front- End Development (ระบบหน้าบ้าน) และ Back- End Development (ระบบหลังบ้าน) จุดเด่นของ คือ Full-Stack Development จะมีความเชี่ยวชาญภาษาการทำงานหลักของโปรแกรม ทั้ง HTML (Hypertext Markup Language) , CSS (Cascading Style Sheets) , JavaScript , PHP (HyperText Preprocessor) , Ruby , Python จึงสามารถทำงานได้ทั้ง Front- end และ Back- end เป็นตำแหน่งที่ต้องการมากที่สุดสำหรับการสร้างเว็บไซต์นั้นเอง
ขั้นตอนของการทำ Web Development
1. วางแผนการทำงาน
การวางแผนการทำงาน เป็นเหมือนการกำหนดทิศทางให้งานไม่ออกนอกกรอบ รู้ว่าต้องทำอะไรบ้างในการสร้างเว็บไซต์ขึ้นมา โดยมีหลักที่ต้องกำหนดในการวางแผน ดังนี้
- กำหนดช่วงเวลาในการสร้างเว็บไซต์
- ตั้งทีมงานในการสร้างเว็บ ต้องมีผู้เชี่ยวชาญ 3 ฝ่าย คือ ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษา HTML , ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบ , ผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้อหาต่าง ๆ
- กำหนดงบประมาณอย่างเช่นจัด
- อุปกรณ์เอื้ออำนวยความสะดวกต่อการทำงาน
- บันทึก วิเคราะห์ปัญหาและ อุปสรรค เพื่อพัฒนาการทำงานให้มีประสิทธิภาพ
2. รวบรวมและวิเคราะห์โครงสร้าง
ขั้นตอนต่อมาจากการวางแผนการทำงาน คือ การรวบรวม และ วิเคราะห์โครงสร้าง โดยรวบรวมข้อมูลที่จำเป็นที่ต้องใช้ในการสร้างเว็บไซต์ ตามเนื้อหา หัวข้อ ภาพ เป็นต้น เพื่อให้การทำงานสะดวกมากยิ่งขึ้น
3. ออกแบบและสร้างเว็บไซต์
การนำข้อมูลทั้งหมดที่กำหนดไว้ให้ตรงตามกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการ มาสร้างเป็นเว็บไซต์ด้วยภาษาการทำงาน HTML และออกแบบหน้าตาของเว็บให้มีความสวยงาม อาจจะร่างออกมาเป็นกระดาษก่อน เพื่อให้มองเห็นภาพมากขึ้น โดยการออกแบบประกอบด้วย 2 ขั้นตอน คือ
3.1 Wireframing เป็นการจัดวางแผนผังองค์ประกอบออกมา เพื่อให้ทุกคนในทีมทั้งผู้เขียนโปรแกรมและผู้ใช้งาน เข้าใจตรงกัน
3.2 UI Design เป็นการออกแบบที่เชื่อมผู้ใช้งานเข้ากับระบบเว็บไซต์ โดยเน้นหน้าตาของเว็บไซต์ เช่น การจัดวางภาพ ปุ่ม สี หรือขนาดตัวอักษร ฯลฯ
4. พัฒนาและเว็บไซต์
หลังจากออกแบบ และสร้างเว็บขึ้นมาแล้ว ขั้นตอนต่อมา คือการทดสอบแบบออฟไลน์ แสดงผลเหมือนจริงโดยไม่ใช้อินเตอร์เน็ต เพื่อทดสอบ ขนาดตัวอักษร ขนาดภาพ สี ว่าเหมาะสมต่อการใช้งานหรือไม่
5. เผยแพร่ข้อมูลที่ต้องการผ่านเว็บไซต์เก็บข้อมูลและพัฒนาเว็บ
การเผยแพร่หน้าเว็บไซต์ที่สร้างเสร็จ สู่สาธารณะให้คนทั่วไปได้รู้จัก โดยเจ้าของเว็บจะต้องจดทะเบียนโดเมนเนม และ เช่าพื้นที่ ก่อนจึงจะสามารถอัพโหลดลงอินเตอร์เน็ตได้ และ คอยเก็บรวมรวมข้อมูล ประเมินผู้ใช้งาน และ คอยพัฒนาเว็บไซต์ให้มีประสิทธิภาพอยู่เสมอ
สนใจปรึกษา Web development กับ Criclabs ทำอย่างไร?
การทำ Web development ที่ดี ต้องมีความรู้ด้านเทคนิคด้าน Front- End Development , Back- End Development และ Full-Stack Development ควบคู่กับการวางกลยุทธ์ที่เหมาะสมในแต่ละตลาดและอุตสาหกรรม รวมถึงการให้คำปรึกษา ดูแลวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อพัฒนาเว็บไซต์ให้มีประสิทธิภาพตลอดเวลา
Criclabs มีความเชี่ยวชาญในบริการทำ Web development เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้ธุรกิจของคุณ มียอดขายโดยเฉพาะ ที่รวมความเชี่ยวชาญด้าน Software Development , ซอฟต์แวร์ Website หรือ Application อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยเทคโนโลยีที่เหมาะสม รวมถึงสร้าง Impact ให้กับธุรกิจของคุณ ช่องทางการติดต่อ Criclabs
- Website : https://www.criclabs.co/
- Facebook : https://facebook.com/criclabs.co
- Instagram : https://www.instagram.com/criclabs.co
- Email : hello@criclabs.co
บริการอื่น ๆ
Criclabs เป็น Software House ที่มีความเชี่ยวชาญในดิจิทัล แบบ end-to-end ให้คำแนะนำจนถึงการดูแลองค์รวม ไม่ว่าจะเป็น บริการรับทำ Wireframing รับออกแบบ Wireframe แอป เว็บไซต์ รับทำ web development โครงร่างเว็บ ออกแบบและปรับแต่งเว็บไซต์เต็มรูปแบบ, รับพัฒนา web application, บริการสร้างระบบเชื่อมต่อ API, รับศึกษาวิจัยเกี่ยวกับผู้ใช้ User Research, รับทำ QA Design ตรวจสอบดีไซน์เว็บ รวมถึงรับวางกลยุทธ์ให้แบรนด์สินค้า และบริการทำ SEO เพื่อสร้างยอดขาย